วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า

📘 บันทึกสะท้อนคิด วันศุกร์ ที่ 3 กรกฎาคม 2558  📘
                การเรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า (Learning with the Five Senses) หมายถึง การจัดกิจกรรมประจำวันทั้ง 6 ตามตารางการจัดกิจกรรมประจำวันระดับปฐมวัย เพื่อให้เด็กได้ เรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางตาในการมองและการสังเกต เรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทางหูในการได้ยินหรือฟังเสียงต่างๆ  เรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสทางร่างกายในการสัมผัส หยิบจับสิ่งต่างๆ  เรียนรู้รสชาติสิ่งต่างๆด้วยการใช้ประสาทสัมผัสลิ้นในการชิมรส และเรียนรู้กลิ่นต่างๆจากการใช้ประสาทสัมผัสจมูกในการดมกลิ่น
               กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ นอกจากกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆและเพื่อผ่อนคลายอารมณ์แล้ว กิจกรรมต่างๆที่จัดให้กับเด็กยังส่งเสริมในเรื่องการเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าด้วย โดยเฉพาะการรับรู้โดยใช้ประสาทสัมผัสทางหู เช่น การเคลื่อนไหวพื้นฐานที่เน้นให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายตามจินตนาการตามจังหวะเคาะหรือเสียงดนตรี
                กิจกรรมเสริมประสบการณ์ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์มีรูปแบบการจัดให้เด็กได้ปฏิบัติอย่างหลากหลายทั้งการสาธิต การทดลอง การประกอบอาหาร การศึกษานอกสถานที่ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ที่เด็กมีโอกาสได้เรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น กิจกรรมการประกอบอาหารการทำ
                 กิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่เด็กได้แสดงความรู้สึกและจินตนาการผ่านกิจกรรมศิลปะที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมการวาดภาพระบายสี เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสด้วยการใช้สายตาในการวาดภาพและระบายสี ได้ใช้ประสาทสัมผัสด้วยการจับต้องในการหยิบจับดินสอและสีเทียนในการระบายสีภาพที่วาด กิจกรรมการปั้นดินน้ำมัน เด็กจะได้ใช้ประสาทสัมผัสมือและตาในการปั้นดินน้ำมันให้เป็นตัวสัตว์ คน หรือสิ่งของ กิจกรรมการร้อยเด็กจะได้ใช้ประสาทสัมผัสจากการมองเห็น และใช้ประสาทสัมผัสมือในจับควบคุมการทำงานระหว่างมือและตา เพื่อให้สามารถร้อยดอกไม้หรือลูกเต๋าได้ถูกต้อง นอกจากนี้เด็กอาจใช้ประสาทสัมผัสจมูกในการดมกลิ่นดอกไม้ที่นำมาร้อยได้ 
                 กิจกรรมเสรีหรือเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมที่เด็กได้พัฒนาในด้านต่างๆจากการเล่นและสำรวจวัสดุอุปกรณ์ประจำมุมต่างๆผ่านการเรียนรู้โดยใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ 
                 กิจกรรมกลางแจ้ง เด็กจะได้เรียนด้วยประสาทสัมผัสทางหูจากการฟังสัญญาณหรือคำสั่งก่อนการเล่นเกม เรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสด้วยมือนิ้วมือและตา จากกิจกรรมการแข่งขันคีบลูกปิงปองใส่ลงในตะกร้า ซึ่งเป็นการทำงานประ สานกันระหว่างมือและตา ซึ่งเป็นการทำงานของกล้ามเนื้อเล็ก เป็นต้น 
                 กิจกรรมเกมการศึกษา เด็กจะเรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสด้วยการสังเกตด้วยตาก่อนการเล่น จะรู้ว่ามีภาพอะไรบ้าง ให้จับคู่หรือจัดกลุ่มหรือให้เรียงลำดับ จากนั้นเด็กอาจต้องใช้มือหยิบจับบัตรภาพมาวางให้เป็นคู่ เช่น การจับคู่ภาพกับเงา จับคู่ภาพที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ทั้งประสาทสัมผัสด้วยการสัมผัสด้วยมือและการควบคุมกล้ามเนื้อตาให้มีความสัมพันธ์กัน เป็นต้น
                   ครูควรคำนึงในเรื่องสื่อที่นำมาใช้เพื่อให้เด็กเรียนรู้ด้วยการใช้ประสาทสัมผัส ต้องไม่เป็นสื่อที่เป็นอัน ตรายกับเด็ก เช่น กลิ่นที่นำมาใช้เพื่อให้เด็กดมมีอันตรายต่อเด็กหรือไม่ หรือดอกไม้ที่นำมาให้เด็กสัมผัสหรือดมกลิ่นมีหนามแหลมคมเป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่ หรือในการดมกลิ่นดอกไม้ไม่ควรให้เด็กดมจนติดจมูกจนเกินไป หรือไม่จำเป็นให้เด็กดมกลิ่นเหม็นเพราะอาจทำให้เสียสุขภาพได้ เช่น การดมกลิ่นสารเคมี อาหารบูดเน่า เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย

🌻 บันทึกสะท้อนคิด วันพฤหัสบดี ที่ 2 กรกฎาคม 2558 🌻
                 การจัดกิจกรรมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ผ่านประสบการณ์สำคัญ ได้แก่ เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก อย่างไรก็ตามครูควรทำความเข้าใจสาระที่ควรเรียนรู้ตามลักษณะการใช้ภาษาที่แฝงอยู่ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ดังนี้
                 การฟัง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้เสียงที่ได้ยิน การตระหนักถึงความหมายของเสียงนั้นในบริบทแวดล้อม และการตีความสิ่งที่ได้ยินโดยเชื่อมโยงกับความรู้เดิม การรวบรวมข้อมูล การจินตนาการ หรือความชื่นชอบของเด็ก 
                  การพูด เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับผู้อื่น สาระที่เด็กควรเรียนรู้เพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นอย่างมีความหมาย และตรงตามความต้องการของเด็ก 
                  การอ่าน เป็นกระบวนการที่เด็กใช้ในการถอดรหัสสัญลักษณ์ และทำความเข้าใจความหมายที่ผู้เขียนต้องการถ่ายทอดผ่านสัญลักษณ์เหล่านั้น องค์ประกอบของการอ่านที่เด็กควรเรียนรู้  ได้แก่ความรู้เกี่ยวกับการใช้หนังสือ 
                  การเขียน เป็นกระบวนการแสดงออกถึงความรู้สึก ความต้องการ และความคิดผ่านทางเครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ องค์ประกอบของการเขียนที่เด็กควรเรียนรู้ 
                  การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยควรจัดให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่เหมาะสมในการพัฒนาเด็กปฐมวัย (DAP) ไม่ควรเป็นการสอนทักษะทางภาษาอย่างเป็นทางการ แต่ควรเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความท้าทายให้เด็กเกิดความต้องการที่จะร่วมกิจกรรม และสามารถประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมด้วยตนเอง หรือมีผู้ใหญ่คอยชี้แนะ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการทางภาษาของเด็ก และช่วยให้เด็กก้าวไปสู่พัฒนาการทางภาษาในขั้นต่อไป ครูควรจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อความแตกต่างกันของเด็ก ตัวอย่างการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย มีดังต่อไปนี้
       - การสนทนาเหตุการณ์และข่าว  เป็นกิจกรรมที่เด็กและครูได้สนทนาร่วมกันในช่วงเริ่มต้นกิจกรรมของแต่ละวัน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และได้เปลี่ยนกันเป็นผู้พูดและผู้ฟัง ครูควรส่งเสริมให้เด็กมีมารยาทที่ดีในการพูดและการฟัง หากเด็กคนใดไม่ต้องการพูดก็ไม่ควรถูกบังคับให้พูด เพื่อให้เด็กที่ไม่มั่นใจในตนเองรู้สึกสบายใจที่จะมีส่วนร่วมในการฟังการสนทนา
        - การอ่านออกเสียงให้เด็กฟังเป็นกิจกรรมที่ครูเลือกวรรณกรรมสำหรับเด็กที่ดีมาอ่านให้เด็กฟัง ครูควรจัดให้มีช่วงเวลาเฉพาะสำหรับการอ่านออกเสียงให้เด็กฟัง (Story Time) กิจกรรมนี้อาจจะจัดเป็นกิจกรรมกลุ่มย่อยหรือจัดสำหรับเด็กกลุ่มใหญ่ก็ได้ โดยครูเลือกหนังสือที่เด็กสนใจมาอ่านให้เด็กฟัง ครูควรอ่านชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง ผู้วาดภาพประกอบ อ่านเนื้อเรื่องพร้อมกับชี้ข้อความขณะที่อ่าน เปิดโอกาสให้เด็กได้ถามคำถาม หรือสนทนาเกี่ยวกับตัวละคร หรือเรื่องราวในหนังสือ ครูอาจเชิญชวนให้เด็กคาดเดาเหตุการณ์ในเรื่องบ้าง และควรเตรียมข้อมูลที่ช่วยให้เด็กเข้าใจคำยากที่ปรากฎในเรื่อง ถามคำถามที่กระตุ้นให้เด็กคิดวิเคราะห์ และจัดกิจกรรมต่อเนื่องจากเรื่องที่อ่านให้เด็กเลือกทำตามความสนใจ เช่น เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ปรากฎในเรื่องในเด็กได้เล่นสมมุติ เตรียมภาพให้เด็กได้เรียงลำดับเรื่องราว เป็นต้น

        


วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การฝึกเด็กให้มีวินัยเรื่องการทิ้งขยะโดยใช้กิจกรรมการเรียนการสอน

🔴 บันทึกสะท้อนคิด วันพุธ ที่ 1 กรกฎาคม 2558  🔴
              🌻การจัดกิจกรรมให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะด้วยการเรียนรู้ประเภทของขยะ การคัดแยกขยะ การนำขยะไปกำจัดหรือทำลายอย่างถูกวิธี และการนำขยะไปใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น การนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การนำวัสดุหรือสิ่งของที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ที่อาจใช้ในลักษณะเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมก็ได้ อาจดัดแปลงวัสดุนั้นให้ใช้ประโยชน์ได้หลาก หลายรูปแบบ วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระดาษ ขวดแก้ว ขวดพลาสติก เป็นต้น ให้เด็กได้รู้จักการรีไซเคิล (Recycle)ว่าคือ การจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะ โดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพโดยเฉพาะการหลอมเพื่อให้เป็นวัสดุใหม่ แล้วนำกลับมาใช้ได้อีก ซึ่งวัสดุที่ผ่านการแปรสภาพนั้นจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือผลผลิตใหม่ก็ได้
             🌻การจัดประสบการณ์ให้เด็กปฐมวัยเรียนรู้วิธีการจัดการขยะเป็นการจัดประสบการณ์ที่เน้นการเรียนรู้โดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลางและสอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์จริงในปัจจุบัน ซึ่งมีคุณค่าและประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยดังนี้            
            🌻การจัดประสบการณ์แบบหน่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาหน่วยละ 1 สัปดาห์ และกำหนดหัวเรื่องการเรียนรู้แต่ละวันว่าจะเรียนอะไร เช่น กำหนดเรื่อง วันจันทร์เรื่องขยะมีกี่ประเภท  วันอังคารเรื่องขยะมีประโยชน์และโทษอย่างไร วันพุธ เรื่องวิธีการคัดแยกขยะประเภทต่างๆ วันพฤหัสบดี เรื่องวิธีการกำจัดขยะ  วันศุกร์เรื่องการป้องกันและลดการขยะ   โดยจัดกิจกรรมตามตารางกิจกรรมประจำวัน 6 กิจกรรมได้แก่          
             1. กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายประกอบเพลง อย่าทิ้ง เพลงตาวิเศษ          
             2. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ จัดกิจกรรมให้เด็กได้ปฏิบัติทดลอง การคัดแยกขยะ การทำปุ๋ยหมัก การนำขยะไปฝังกลบ การไปศึกษานอกสถานที่ที่บ่อขยะ การนำขยะไปขาย ฯลฯ          
             3. กิจกรรมสร้างสรรค์ อาจนำวัสดุต่างๆที่เป็นขยะมาให้เด็กประดิษฐ์เป็นของเล่น ของใช้ เช่น การประดิษฐ์กล่องใส่เครื่องเขียน กล่องใส่แปรง ยาสีฟัน การประดิษฐ์รถลากของเล่น การประดิษฐ์พัดจากกระดาษ เป็นต้น        
             4. กิจกรรมเสรี/เล่นตามมุม อาจนำวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงให้เด็กได้เล่นทดลองต่างๆ แกนในกระดาษชำระมาดัดแปลงเป็นกล้องดูดาว ไม้ไอศกรีมมาระบายสีเพื่อให้เด็กนับจำนวน กล่องนมมาตกแต่งเป็นบล็อกในมุมบล็อก เป็นต้น
             5. กิจกรรมกลางแจ้ง ให้เด็กเล่นเกมแข่งขันการคัดแยกขยะ นำขวดหรือกระป๋องที่ไม่ใช้แล้วมาใช้ประกอบการเล่นน้ำ เล่นทราย เป็นต้น
             6. กิจกรรมเกมการศึกษา ครูให้เด็กเล่นเกมต่างๆ เช่น เกมจับคู่ภาพขยะที่เป็นประเภทเดียวกัน เกมจับคู่ภาพกับคำ เกมเรียงลำดับภาพการกำจัดขยะ เป็นต้น
              ในการจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมการจัดการขยะเป็นสิ่งที่ครูควรคำนึงถึงในเรื่องของความปลอดภัยที่มีต่อเด็ก เช่น ควรมีการระมัดระวังการสัมผัสขยะที่เป็นพิษ ครูควรให้เด็กได้ใช้เครื่องมือป้องกันอันตรายที่อาจสัมผัสร่างกายของเด็กด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือถุงมือในกรณีที่ต้องจับหรือสัมผัสขยะที่เป็นอันตราย และสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะป้องกันอันตรายจากขยะประเภทต่างๆด้วย