💐 บันทึกสะท้อนคิด วันอังคาร ที่ 30 มิถุนายน 2558 💐
จิตใจของเด็กวัยอนุบาลเปรียบเสมือนฟองน้ำที่พร้อมจะซึมซับทุกสิ่งผ่านเข้ามา และเก็บ สะสมข้อมูลที่ได้รับอยู่ตลอดเวลา หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม จะทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่ดี เด็กจะยอมรับนับถือตนเอง ได้ รับการยอมรับจากผู้อื่น และเด็กก็จะมีความสุขมีกำลังใจ มีแรงจูงใจในการทำงานตามที่มุ่งหวัง และสามารถมีกระบวนการคิดแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี ทำให้ประสบความสำเร็จ ถ้าเด็กไม่สามารถทำได้ตามขั้นตอนพัฒนาการ เด็กจะรู้สึกเป็นปมด้อย และจะทำงานในขั้นตอนพัฒนาการที่สูงขึ้นได้ยาก
ในขณะที่พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวัยมีการเจริญเติบโต พัฒนาการทางด้านอารมณ์ก็เช่นเดียวกัน เด็กวัยอนุบาลจะแสดงออกด้านอารมณ์เด่นชัดขึ้น มีความสนใจในเรื่องต่างๆค่อนข้างสั้น เวลาดีใจ เสียใจ โกรธ หรือกลัว ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ได้แก่ กระโดด กอด ตบมือ โวยวาย ร้องไห้เสียงดัง ทุบตี ขว้างปาสิ่งของ ไม่พอใจเมื่อถูกห้าม ฯลฯ เพียงชั่วครู่ก็จะหายไป
ครูควรอบรมสั่งสอนโดยการปลูกฝังคุณธรรมให้แก่เด็กตั้งแต่ยังเล็ก เริ่มจากการพัฒนาความเข้าใจของเด็ก ให้เข้าใจความ รู้สึกของผู้อื่น สร้างจิตสำนึกที่ดี รู้จักควบคุมตัวเอง ให้การยอมรับนับถือผู้ใหญ่ นอบน้อม มีสัมมาคารวะ รู้จักการขอบคุณ ขอโทษ เมตตาปรานี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความอดทน สามารถรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักการรอคอย และเรียนรู้ที่จะแบ่ง ปัน ด้วยการพัฒนาคุณภาพภายในและภายนอกของเด็กไปพร้อมๆกัน ดังนี้
การพัฒนาภายใน หรือการพัฒนาแก่นแท้ของชีวิตในกิจวัตรประจำวัน เช่น การเก็บกระเป๋า ของเล่นของใช้ การรักษาความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ การพับเก็บเสื้อผ้า การเข้าแถวเคารพธงชาติ การสวดมนต์ ฯลฯ การฟังนิทานส่งเสริมคุณธรรม เช่น นิทานชาดก การเข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่นับถือ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อาทิ การทำงานศิลปะ งานประดิษฐ์
การพัฒนาภายนอก หรือการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเด็กทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในส่วนของเนื้อหาสาระวิชาการ ทักษะการงาน และการดูแลตนเอง รวมถึงความสามารถที่จะระบุคุณค่าแท้ของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของเด็กตามความเหมาะสมของวัย และความพร้อมของประสบการณ์ผ่านกิจกรรมหลากหลายทั้งที่เป็นวิถีชีวิต เช่น การเล่นแบบมีกติกา การบริการผู้อาวุโส การสนทนา การกล่าวคำขอบคุณ ขอโทษ การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การปลูกผัก การทำอาหาร และการทำงานศิลปะ เป็นต้น
การปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้เกิดกับเด็กปฐมวัยนั้น ควรเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นความคุ้นชิน เด็กได้มีโอกาสฝึกคิดแก้ปัญหา เชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้ ลงสู่การปฏิบัติ รู้จักธรรมชาติของการงานที่กำลังทำอยู่ว่า ควรจัดการกับงานนั้นๆเพื่อให้ได้ผลงานออกมาตรงตามที่ต้องการ โดยการกระทำแต่ละอย่างด้วยความประณีต ละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นการเล่น การทำงานฝีมือ การเคลื่อนไหวร่างกาย การทำอาหาร ตลอดจนการสนทนาพูด คุย ฯลฯ ซึ่งเมื่อเด็กมีประสบการณ์ตรงต่อสิ่งที่เขาเรียนรู้ ก็จะเกิดการจดจำได้ดียิ่งกว่าการท่องจำจากหนังสือหรือคำบอกของผู้ใหญ่ เมื่อเด็กได้เรียนรู้สิ่งที่ตนเองมีประสบการณ์ในมิติต่างๆจากการตั้งคำถามและการเชื่อมโยงของครูผู้สอน เด็กก็จะสามารถคิดพิจารณาอย่างใคร่ครวญด้วยตนเองได้ว่า เขาสามารถนำการเรียนรู้ที่ได้รับไปใช้ในวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง อะไรคือ คุณค่าที่แท้ และอะไรคือ คุณค่าที่เทียม เด็กก็จะสามารถพัฒนาทักษะการคิด การตัดสินใจ ตลอดจนการกระทำและการปฏิบัติสิ่งต่างๆที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น